คำนามนับได้ (Countable Noun)
คือ คำนามที่เราสามารถระบุได้ว่ามี กี่ชิ้น กี่อัน กี่ตัว กี่แห่ง ฯลฯ
เช่น ดินสอ 5 แท่ง —— 5 pencils
หนังสือ 8 เล่ม —— 8 books
บ้าน 1 หลัง ——- a house
จะเห็นได้ว่าคำนามข้างต้นพวก ดินสอ หนังสือ บ้าน นี้ เป็นคำนามนับได้ค่ะ เพราะเราสามารถระบุจำนวนของสิ่งนั้นๆได้ว่ามีเท่าไหร่
ซี่งคำนามนับได้ (Countable Noun) จะแบ่งออกเป็น 2 ประเภท คือ คำนามเอกพจน์และคำนามพหูพจน์ ที่เราได้อธิบายไปแล้วใน part 1 นั่นเอง สามารถคลิ๊กและกลับไปอ่านดูได้เลยค่ะ
คำนามนับไม่ได้ (Uncountable Noun)
คือ คำนามที่เราไม่สามารถระบุจำนวน หรือบอกว่ามีกี่ชิ้นกี่อันได้ อาทิ ของเหลวต่างๆ เช่น นม น้ำ ไวน์ หรือ ข้าว น้ำตาล หรือของที่มีปริมาณมากๆ เช่น ผม ฟางหญ้า เป็นต้น จะให้เราพูดว่า ขอข้าว 2 เม็ดจ้า หรือ ขอนม 3 หยด ก็กระไรอยู่จริงมั้ยล่ะคะ ฝรั่งเลยกำหนดคำพวกนี้เป็นคำนามนับไม่ได้
การใช้ this/that and these/those
มีใครเคยสงสัยบ้างหรือไม่ ว่าเราจะใช้ this และ that - these/those เมื่อไหร่ และใช้อย่างไร
มันอาจจะเป็นอะไรที่ดูเป็นเรื่องง่ายๆ แต่จากประสบการณ์ของเอมแล้ว ยังคงพบการใช้ผิดบ่อยมากๆค่ะ
วันนี้สำหรับใครที่ยังไม่แน่ใจ เอมมีคำตอบมาฝากค่ะ
ในเกณ์การใช้ที่เรานึกถึงขั้นแรกสำหรับ this และ that ก็คือ สองตัวนี้นั้นใช้ในกรณีที่สิ่งที่เราพูดถึงเป็นเอกพจน์ (สิ่งเดียว อันเดียว)
ส่วน these และ thoseในกรณีที่เราพูดถึงสิ่งที่เป็นพหูพจน์ (มากกว่าหนึ่งขึ้นไป)
และอีกเกณฑ์ที่สำคัญคือ เราใช้ this/these เราใช้เพื่อกล่าวถึงคน สิ่งของ สถานการณ์ และประสบการณ์ที่อยู่ใกล้กับตัวผู้พูดเอง
หรือ ในเวลาอันใกล้ และเราใช้ that/those เพื่อกล่าวถึงคน สิ่งของ สถานการณ์ที่อยู่ไกลออกไป ทั้งเชิงกายภาพและเชิงเวลา
ตัวอย่างการใช้
- This game is a great game. (เรากำลังดูการแข่งขันอยู่)
- That game was a great game. (การแข่งขันจบลงไปแล้ว)
- These doughnuts are good. (เรากำลังทานโดนัทอยู่ หรือ เรากำลังพูดถึงโดนัทที่อยู่ตรงหน้าของเรา)
- Those buildings are tall, but that building is the tallest. (เรากำลังมองออกไปยังกลุ่มตึกระฟ้า และก็ชี้ไปยังตึกๆนึกที่สูงที่สุด)
การใช้ must และ mustn’t
จดจำคำแปลต่อไปนี้ให้แม่นเลยนะครับ โดยเฉพาะคำว่า musn’t
- must อ่านว่า มัสทึ แปลว่า ต้อง
- mustn’t อ่านว่า มัสเซินทึ แปลว่า ต้องไม่
mustn’t แปลว่า ต้องไม่ ถ้าแปลว่า ไม่ต้อง มันจะไปคนละเรืองเลย
การใช้ must
ใช้แสดงถึงความจำเป็น หรือสำคัญ ในมุมมองของคนพูด
- It’s dark now. We must stay here tonight.
มันมืดแล้วตอนนี้ พวกเราต้องพักที่นีคืนนี้
(ฉันคิดว่ามันอันตราย ถ้าเดินทาง ดังนั้นจึงจำเป็นต้องพักก่อน
- You look pale. You must see a doctor.
คุณดูซีดเซียว คุณต้องพบหมอนะ
(ฉันดูแล้วคุณคงไม่ไหว จำเป็นต้องพบหมอ ไม่งั้นคงไม่ดีขึ้นแน่นอน)
- It’s going to rain. I must go home now.
ฝนกำลังจะตก ฉันต้องกลับบ้านตอนนี้เลย
(ฉันว่าถ้าไม่กลับตอนนี้ ฝนคงจะไล่ทัน)
- You must eat more vegetables and do some exercises.
เธอต้องกินผักให้มากขึ้นและออกกำลังกาย
(ร่างกายของคุณดูแย่ ถ้าคุณไม่เชื่อผม สุขภาพคุณจะแย่ขึ้นเรื่อยๆ เชื่อหมอ)
- I must finish my homework first and then I will watch TV.
ฉันต้องทำการบ้านให้เสร็จก่อน แล้วฉันจะไปดูทีวี
(ฉันคิดว่าถ้าไม่ทำให้เสร็จก่อน เดี๋ยวดูเพลิน การบ้านจะไม่ได้ทำ
- Fast and Furious 9 were partly filmed in Thailand. I must watch it.
หนัง เร็วแรงทะลุนรก 9 บางส่วนถ่ายทำในไทย ฉันต้องดูให้ได้เลย
(เป็นหนังที่ดีมาก สนุกตื่นเต้น ฉันไม่เคยพลาดสักภาค ยิ่งถ่ายในไทยด้วยแล้วเนี่ย..)